“หว่านสิ่งใด..ได้ผลสิ่งนั้น”

เรามักจะคุ้นกับประโยคที่ว่า “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” หรือ “กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง” ซึ่งก็เป็นสัจธรรมของชีวิตทุกคนที่จะหลีกหนีไม่พ้น เหมือนที่เราปลูกข้าวเราก็จะได้ข้าว หรือปลูกพืชอะไรก็จะได้ผลหรือพืชอย่างนั้น ตามหลักที่พระวจนะธรรมได้กล่าวไว้ตรงกันว่า “บุคคลผู้ใดหว่านพืชอย่างใด ก็จะเกี่ยวเก็บผลอย่างนั้น” ถ้อยคำดังกล่าวคือหลักความจริงของชีวิตที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ทุกคนในโลกนี้ ใครประกอบกรรมดีชั่วอย่างไร เขาก็จะได้รับผลจากการกระทำทั้งสิ้นที่ได้ทำไป ต่างกันเพียงแต่ระยะเวลาเท่านั้นที่เร็วหรือช้าไม่เหมือนกัน

ในหลักคำสอนของทุกศาสนาต่างก็ยืนยันตรงกันในเรื่องนี้ หรือแม้แต่ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ก็ยังเห็นว่า การกระทำใดๆ ก็ตามจะได้รับผลตอบแทนตามการกระทำนั้นๆ แน่นอนซึ่งในพระวจนะธรรมได้บอกไว้ดังนี้

“บุคคลผู้ใดหว่านพืชอย่างใด ก็จะเกี่ยวเก็บผลอย่างนั้น” ไม่ว่าใครก็ตามจะทำดีหรือทำชั่ว เขาเองก็จะได้รับผลตามกระกระทำนั้นๆ ซึ่งก็เป็นการเตือนให้เราเลือกที่จะทำดีหรือชั่ว อยู่ที่ตัวเราเป็นผู้เลือกเอง คือเลือกอะไรก็จะได้รับผลตอบแทนอย่างนั้น แม้จะชัดเจนอย่างนี้ก็ตาม แต่ก็มีคนอีกไม่น้อยที่ละเลยไม่มีความเกรงกลัวในการที่จะทำสิ่งผิดบาปทั้งหลายโดยเจตนา และดูเหมือนจะเป็นการเลือกที่เพิ่มจำนวนสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่ได้ใส่ใจต่อผลจากการกระทำของตนเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาของบางคนไป

ซึ่งถ้าหากจะพูดว่าผู้คนในวันนี้ กำลังจะกลายเป็นคนที่ปราศจากความเกรงกลัวต่อบาปก็อาจจะไม่ผิด เพราะแม้จะรู้อยู่แก่ใจถึงผลอันเกิดจากการกระทำที่ผิดๆ ทั้งหนักทั้งเบาก็ตาม ก็ดูจะไม่ได้สนใจหรือหวั่นกลัวต่อผลร้ายที่จะเป็นผลตามมาในเวลาไม่ช้าไม่นานเลย มันเป็นผลตอบแทนที่จะได้รับทั้งในโลกนี้และโลกหน้าอีกด้วย ในพระวจนะธรรมได้บอกให้เรารู้ว่า การกระทำใดๆ ทั้งหลายทั้งสิ้นทั้งดีหรือชั่วของเรา จะถูกบันทึกไว้เพื่อรับผลการกระทำของเราทั้งในที่ลับและที่แจ้ง โดยจะได้รับผลตอบแทนในโลกนี้ก่อน และหลังจากนั้นในวันสุดท้ายแห่งการพิพากษาของพระเจ้า ผู้ที่กระทำผลดีและชั่วก็จะได้รับการพิพากษาอีกเป็นครั้งสุดท้ายจึงจะเป็นอันสิ้นสุด

คนที่พูดเสมอว่าเราทำดีแต่ไม่เห็นจะได้ดีอะไร ตรงกันข้ามกับคนที่ทำกรรมชั่วทั้งหลาย กลับได้ดีมีความสุข สิ่งเหล่านี้ทำให้มีหลายคนที่เพียรทำความดีมาตลอดเกิดความท้อแท้ ไม่อยากจะทำดีอีกต่อไป ต้องคิดใหม่ครับ คนทำดีที่เกรงกลัวต่อบาป เปรียบก็เหมือนผ้าขาว หว่านพืชแห่งความดีมาตลอด แม้ผลแห่งความดีจะไม่ปรากฏในวันนี้ แต่ไม่นานผลดีจะต้องปรากฏอย่างแน่นอน เพราะพระวจนะธรรมยืนยันไว้แล้วว่า “อย่าให้เราเมื่อยล้าในการทำดี หากเราไม่เมื่อยล้าเสียก่อน เราจะได้รับผลดีเป็นสิ่งตอบแทน ทั้งในโลกนี้และโลกหน้าอีกด้วย”

โดย : อาจารย์อำนวย เรืองชาญ
นักจัดรายการวิทยุ “เพื่อคุณกำลังใจ”
องค์การก้าวไปสู่ความสว่าง