“คนหลงทาง”

มีการเปรียบชีวิตคนไว้ว่า.. “ คนเราทุกคนเปรียบเหมือนนักเดินเรือ ” แล่นรอบมหาสมุทรที่ไม่สามารถจะหยุดเรือขึ้นฝั่งได้ บ่อยครั้งที่ต้องปล่อยตัวให้ล่องลอยไปตามสายน้ำ.. บางครั้งรู้สึกท้อแท้สิ้นหวัง เพราะมีกำลังไม่พอ น้อยครั้งที่มองเห็นฝั่ง แต่ลืมว่าจะบังคับเรือให้เข้าฝั่งได้อย่างไร คนที่น่าสงสาร ก็น่าจะเป็นประเภทที่หลงทาง วนเรืออยู่อย่างนั้นตลอดชีวิต สุดท้ายก็จมหายไปกับกระแสน้ำ

เวลาที่เราหลงทาง เราจะทำอย่างไร? จะหาทางออกหรือจะปล่อยชีวิตไปตามยถากรรม เพราะเวลาที่หลงทางนั้น เขาจะเกิดว้าวุ่นใจ ที่ต้องดิ้นรนหาทางออกให้กับตัวเองไม่ได้ ครั้นพยายามดิ้นหนักเข้าก็หมดกำลัง แล้วก็เกิดท้อแท้ใจ สุดท้ายก็หมดหวัง ดังนั้นเมื่อเราหลงทาง เราจะต้องตั้งคำถามสุดท้ายว่าจะหาทางออกต่อไปอย่างไร หรือว่าจะปล่อยชีวิตให้เป็นไปตามยะถากรรม

สังคมคนเรามีคนอยู่ 2 ประเภทคือ คนที่ยังมีความหวัง ก็จะเสาะแสวงหาทางออกให้ตัวเองต่อไป ส่วนอีกพวกหนึ่ง พอหลงทาง เขาก็จะรู้สึกเบื่อหน่ายชีวิต เพราะเขาคิดว่าพยายามไปก็ไม่มีประโยชน์ เจอแต่ความมืดมนไม่เห็นทางที่จะทำให้เกิดความหวังอะไรได้เลย เขาจึงตัดสินใจ ปล่อยชีวิตไปตามยะถากรรม สำหรับคนพวกแรก ก็ยังนับว่ามีสติปัญญาและกำลังใจ ที่ยังไม่ยอมแพ้ชีวิต แต่ประเภทหลังนั้นน่าสงสาร เพราะบั้นปลายสุดท้ายนั้น เขาคือผู้แพ้อย่างสิ้นเชิง

บางทีคุณอาจจะเป็นในคน 2 ประเภทนี้ แม้วันนี้คุณเองยังไม่ได้เจอกับปัญหาที่หนักใดๆก็ตาม แต่ในวันข้างหน้านั้นใครจะไปคาดเดาได้ว่ามันอาจจะเกิดขึ้นกับเราเองก็ได้ เพราะคนหลงทางวันนี้ได้กลายเป็นปัญหาของสังคม เป็นวงกว้างไปแล้ว จนเกือบจะพูดได้ว่าคนที่ไม่เคยหลงทางนั้นหายากมากแทบจะไม่มีเลยก็ว่าได้

ที่น่าห่วงที่สุด ก็คงจะได้แก่คนที่หลงทางไปแล้ว และหายไปเลย เป็นเรื่องที่น่าห่วง ส่วนคนหลงทาง แล้วรู้ตัว กลับมาได้ เพื่อตั้งต้นตั้งหลักใหม่ นี่ต่างหากที่น่ายกย่อง การเริ่มต้นใหม่ไม่ใช่เรื่องที่น่าอับอาย แต่กลับเป็นสิ่งที่เราทำได้เสมอทุกโอกาส ตลอดชีวิต ไม่มีคำว่าสายเกินไป ไม่มีการปิดโอกาส หรือหมดโอกาส

หากคุณเกิดหลงทาง เพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ คุณก็ยังสามารถเริ่มต้นใหม่ มุ่งสู่ความสำเร็จได้ โดยไม่ต้องหลงทางวนเวียนอีกต่อไป เพราะเรายังมีพระเยซูคริสต์ผู้เป็นความหวังจะช่วยทำหน้าที่บังคับเรือของคุณมุ่งไปสู่ความสำเร็จได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย พระองค์คือความหวัง สำหรับคนผู้หลงทางให้ได้พบทางออกของชีวิต เพราะพระเยซูคริสต์ตรัสว่า “เรามาเพื่อแสวงหาและช่วยผู้ที่หลงหายไปให้รอด.. ” และอีกตอนหนึ่ง “เราเป็นทางนั้น เป็นความจริงและเป็นชีวิต ”

นี่จึงเป็นทางออกที่เป็นความหวัง ของผู้หลงหาย ให้กลับมาสู่เส้นทางที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในบั้นปลายได้

โดย : อาจารย์อำนวย เรืองชาญ

นักจัดรายการวิทยุ “เพื่อคุณกำลังใจ”

องค์การก้าวไปสู่ความสว่าง