เมื่อชีวิตจะต้องสู้จงใช้สติปัญญาเป็นตัวกำหนดเพื่อนำไปสู่ชัยชนะ
ไม่ว่าใครที่มีชีวิตอยู่บนผืนโลกใบนี้ เขาคนนั้นก็เปรียบเหมือนนักสู้ที่อยู่บนเวทีผืนใหญ่ ที่ต้องสู้โดยมีชีวิตเป็นเดิมพันเพื่อความอยู่รอด เมื่อขึ้นเวทีแห่งการต่อสู้แล้ว การต่อสู้ในทุกรูปแบบก็จะเริ่มต้น พร้อมหรือไม่อย่างไรก็ต้องสู้เพราะไม่มีทางเลือก ด้วยเหตุนี้เอง เราผู้เป็นนักสู้จึงต้องเรียนรู้เกี่ยวกับการต่อสู้ว่าแต่ละรูปแบบนั้นจะวางแผนอย่างไร จะต้องสู้อย่างไรเมื่อไรทั้งการรุกการรับ สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่มีผลที่จะนำเราไปสู่ชัยชนะได้ทั้งนั้น
นักสู้นั้นต้องมีร่างกายเป็นตัวตั้งโดยมีสติปัญญาเป็นอุปกรณ์สำคัญที่จะใช้วางแผนอย่างรอบคอบว่าจะสู้ยังไง แบบไหน จะสู้เมื่อต้องสู้ จะถอยตั้งหลักเมื่อต้องถอย ต้องมีจังหวะ ไม่ใช่ว่าเราจะใช้กำลังที่คิดว่าเหนือกว่า เข้าห้ำหั่นชนิดม้วนเดียวจบ แต่สำหรับนักสู้มืออาชีพนั้น เขาจะใช้สติปัญญาเป็นตัวกำหนดในการต่อสู้ หากขืนคิดว่าข้านี้แน่ ไม่ประเมินกำลังของตัวเองก่อนให้รอบคอบ เมื่อนั้นความพ่ายแพ้ก็อาจจะตามมาได้
คนบางคนอยู่ในสังคมของคนหมู่มากไม่ได้ เพราะเป็นคนไม่ยอมใคร ไม่มีห้ามล้อ ไม่มีการยับยั้ง ไม่รู้จังหวะรับหรือรุก ไม่ยอมฟังคำแนะนำ หรือความคิดเห็นของคนอื่น เพราะคิดเสมอว่าความคิดของตัวเองนั้นถูกต้องอยู่เสมอ
เหมือนอุทาหรณ์ในหนังสือพระคริสตคัมภีร์เรื่องคนฉลาดและคนโง่ คนโง่สร้างบ้านบนทราย พอน้ำพัดซัดมาบ้านก็พังลง ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นคนฉลาดเขาสร้างบ้านบนพื้นศิลา มีรากฐานมั่นคงแข็งแรง เวลาที่มีลมพายุพัดเข้ามา บ้านก็นิ่งด้วยความแข็งแรง ไม่พังลงเหมือนบ้านที่สร้างบนพื้นทราย นี่คือผลของมันที่แตกต่างกันในความแข็งแรงอย่างสิ้นเชิง ดังนั้น เราจึงต้องเลือกว่าเราจะเป้นคนที่สร้างบ้านบนพื้นทรายหรือจะสร้างบ้านไว้บนพื้นศิลา
อีกเหตุผลหนึ่งที่จะรู้ได้ว่าใครใช้สติปัญญาในการต่อสู้กับชีวิต โดยเขาจะต้องเป็นคนอย่างไร เขาจะต้องเป็นคนฉลาดใช้สติปัญญาเป็นอุปกรณ์ในการต่อสู้ มีจังหวะที่จะสู้ เมื่อต้องสู้ ไม่ผลีผลามโดยคิดว่าตัวเองเหนือกว่าและแข็งแรงกว่า สำหรับนักสู้ตัวจริงแล้ว เมื่อเขาจะต้องถอยก็ต้องถอย คนอย่างนี้แหละคือนักสู้ตัวจริงที่มีชัยชนะเป็นเดิมพันในการต่อสู้
แต่สำหรับนักสู้ชีวิตที่มีพระเยซูคริสต์ทรงเป็นเสาหลักแล้ว นอกจากสติปัญญาของเขาแล้ว เขาก็ยังมีพระเจ้าทรงอยู่ข้างๆ คอยแนะนำและเสริมกำลังให้ในทุกก้าวเดิน เพราะความสำเร็จและชัยชนะนั้นไม่ได้มาด้วยความสามารถของตัวเราเอง แต่มาจากพระเจ้า เป็นชัยชนะที่งดงาม ไม่ใช่ชัยชนะที่หวุดหวิด แต่เพราะเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ แต่ว่าในเหตุการณ์ทั้งปวงเหล่านี้ เรามีชัยเหลือล้นโดยพระองค์ผู้ทรงรักเราทั้งหลาย
บทความจากเพจ “ส่งด้วยรัก ทักด้วยใจ”

